มีคนบอกว่าการยื่นภาษีนั้น เป็นหน้าที่ของเราทุกคน เมื่อเราทำงานรับเงินเดือน หรือมีรายรับจากการประกอบอาชีพต่าง ๆ เราก็จำเป็นต้องทำการยื่นภาษีเพื่อแสดงรายได้ตามที่กรมสรรพากรกำหนด อีกทั้งการเสียภาษีนั้น ยังเป็นการที่จะช่วยทำให้เราสามารถดำเนินการด้านธุรกรรมต่าง ๆ เช่น การขอกู้เงิน การขอสินเชื่อ ในอนาคตได้ แต่เงินที่เราจ่ายไปก็ใช่ว่าจะสูญเปล่า เพราะเราก็ยังสามารถขอคืนเงินที่ได้เสียภาษีไปแล้วกลับคืนได้ จากการใช้สิทธิ์เพื่อลดหย่อนตามที่กรมสรรพากรได้กำหนด ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ วันนี้เราจึงมี 5 เรื่องที่ต้องรู้ ในการช่วยให้ผู้ที่ยืนภาษีได้รับเงินคืนแบบเต็ม Max
ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอนการยื่น และ ขอคืนภาษีนั้น เราต้องเช็กตัวเองก่อนว่ารายรับของเรานั้น อยู่ในขั้นใดของการเสียภาษี เพราะจากข้อมูลของกรมสรรพากร ได้กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะต้องเสียภาษีนั้น ต้องมีรายได้สุทธิต่อปี เกิน 150,000 บาท โดยสามารถใช้สูตรการคำนวณได้ดังนี้ >>> เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
ยกตัวอย่าง เช่น
• ถ้าเงินเดือนไม่เกิน 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
• ถ้าเงินเดือนเกิน 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษีและเสียภาษี
และเมื่อเรารู้ตัวเองแล้วว่ารายได้เกิน 150,000 บาท และจะต้องเสียภาษีก็ให้ดูต่อว่าเราต้องเสียภาษีในขั้นไหนตามข้อมูลในตารางนี้
ในช่วงต้นปีประมาณเดือน ม.ค. - มี.ค. ทางกรมสรรพากรจะมีการเปิดระบบให้สามารถยื่นภาษีได้ เราก็สามารถเข้าไปทำการยื่นภาษีตามรอบปีที่กำหนดได้ ยิ่งใครที่ยื่นข้อมูลภาษีได้เร็ว ก็จะยิ่งได้รับเงินคืนเร็ว ส่วนใครที่สายชิลล์ มายื่นเอาใกล้ๆ วันก่อนปิดระบบ ก็อาจจะต้องรอคิวในการคืนภาษีนานหน่อย รวมทั้งก็อาจจะมีบางคนที่หลงลืม ยื่นภาษีไม่ทันตามที่กำหนด ก็อาจจะโดน เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ซึ่งถือว่าเป็นบทลงโทษเกี่ยวกับภาษีอย่างหนึ่ง และอาจมีโทษทางอาญาด้วย โดยมีข้อมูลจากกรมสรรพากรระบุไว้ว่า หากบุคคลใดยื่นแบบฯ ภายในกำหนดแต่ชำระภาษีไม่ครบถ้วน หรือยื่นแบบฯ ล่าช้า ละเลย หรือหลีกเลี่ยงการยื่นแบบฯ จะต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามกฎหมายกำหนด และหากฝ่าฝืนไม่ยอมชำระ ก็ต้องรับโทษทางอาญาด้วย
ในการยื่นภาษีนั้น จะมีส่วนหนึ่งที่เรียกว่าค่าลดหย่อนและยกเว้น ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ต้องนำมาใช้ในการคำนวณภาษี โดยการนำไปหักออกจากเงินได้ อีกครั้งหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว โดยมีการหักลดหย่อนกรณีต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป อาทิ
• ลูกคนแรก ลดหย่อนได้ 30,000 บาท
• ลูกคนที่ 2 เป็นต้นไป ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท