การออม การลงทุน

ความคุ้มครองเท่ากันแต่จ่ายเบี้ยฯ ไม่เท่ากัน

คุ้มครองเท่ากันแต่จ่ายเบี้ยฯ ไม่เท่ากัน เพราะเป็นประกันชีวิตคนละประเภท อย่าเพิ่งรีบเลือกประกันที่ถูกที่สุดจนกว่าจะได้รู้เงื่อนไข

ประกันชีวิตมีกี่ประเภท

ประกันชีวิตแต่ละประเภทมีรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ทำให้ค่าเบี้ยประกันที่จ่ายก็แตกต่างกันไปด้วย ประกันชีวิตแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ

  • ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term insurance)
    คุ้มครองกรณีเสียชีวิตเพียงอย่างเดียวในช่วงระยะเวลาที่จำกัด ถ้าพ้นกำหนดระยะเวลาที่ให้ความคุ้มครองแล้วและผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ถือว่าสิ้นสุดสัญญา เป็นประกันแบบจ่ายเบี้ยฯ ทิ้ง เช่น ความคุ้มครอง 1,000,000 บาท นาน 5 ปี ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว หากผู้เอาประกันเสียชีวิตในช่วงระยะเวลา 5 ปีนั้น บริษัทประกันจะจ่ายเงินตามวงเงินความคุ้มครองให้กับผู้รับประโยชน์ แต่หากครบ 5 ปีแล้วผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีเงินคืน

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term insurance) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างความคุ้มครอง เตรียมเงินไว้ให้คนข้างหลังสำหรับตั้งตัว แต่มีงบประมาณจำกัด เพราะเบี้ยประกันถูกว่าประกันในแบบอื่นๆ ในขณะที่วงเงินความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเท่ากัน แต่ประกันประเภทนี้มีข้อจำกัดตรงที่เป็นการจ่ายเบี้ยทิ้งและไม่มีเงินคืนกรณีมีชีวิตนั่นเอง

types-of-insurance2.webp
  • ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life insurance)

    คุ้มครองตลอดชีพตั้งแต่ 90-99 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขตามกรมธรรม์ คุ้มครองทั้งกรณีผู้เอาประกันมีชีวิตเมื่อครบกำหนดสัญญา และเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา (บริษัทประกันจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับประโยชน์)

    ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole life insurance) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างความคุ้มครองระยะยาว เป็นหลักประกันและเงินมรดกให้คนข้างหลัง ใครที่อยากออมแบบยาวๆ ไม่อยากเผลอตัว เผลอใจ หยิบมาใช้ระหว่างทาง นอกจากนี้ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ยังเหมาะที่จะนำไปแนบสัญญาสุขภาพเพิ่มเติม เพราะประกันชีวิตแบบตลอดชีพคุ้มครองในระยะเวลาที่นาน ค่าเบี้ยประกันคงที่ตลอดสัญญาและสบายกระเป๋า

     

  • ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Saving insurance)

    ความคุ้มครองแบบลูกครึ่งระหว่างประกันชีวิตและการสะสมทรัพย์ คือ คุ้มครองทั้งกรณีผู้เอาประกันมีชีวิตเมื่อครบกำหนดสัญญา และเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา ประกันสะสมทรัพย์ จะจ่ายผลตอบแทนเราในรูปแบบของ “เงินคืน” ซึ่งจะเป็นการทยอยจ่ายคืนให้ระหว่างสัญญาและมีเงินก้อนคืนเมื่อครบกำหนดสัญญาในกรณีผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ โดยมีการกำหนดชัดเจนว่าจะได้เงินคืนปีไหนและเท่าไร

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Saving insurance) เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างวินัยทางการออม มีเป้าหมายในการออมอย่างชัดเจน และมองหาประกันชีวิตเพื่อนำมาลดหย่อนภาษี โดย ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ที่มีอายุกรมธรรม์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000บาท ตามเงื่อนไขที่สรรพากรกำหนด

types-of-insurance3.webp
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension insurance)

ประกันชีวิตแบบบำนาญ เน้นผลตอบแทนหลังเกษียณมากกว่าความคุ้มครอง โดยผู้เอาประกันจะได้รับเงินบำนาญหลังจากเกษียณ เช่น อายุ 55 หรือ 60 ปี ทุกๆ ปี หรือทุกๆ เดือน ตั้งแต่เริ่มเกษียณจนถึงอายุ 85 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์

ประกันชีวิตแบบบำนาญ ต่างจากประกัน ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ตรงที่ไม่มีการจ่ายผลประโยชน์ก่อนวันรับบำนาญยกเว้นกรณีเสียชีวิต ประกันชีวิตแบบบำนาญ จึงเหมาะใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงหลังเกษียณ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท หากไม่มี ประกันสะสมทรัพย์ สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

นอกจากนี้ยังมีประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) ที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งให้โอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนอีกด้วย ที่นี้ก็รู้แล้วว่าประกันแต่ละประเภทมีรูปแบบความคุ้มครองที่ต่างกันด้วยเหตุนี้จึงทำให้ค่าเบี้ยประกันของประกันแต่ละแบบมีค่าเบี้ยประกันที่แตกต่างกันนั่นเอง ดังนั้นการเลือกซื้อประกันที่เหมาะสมจึงควรเลือกที่วัตถุประสงค์ตรงความต้องการ ค่าเบี้ยประกันที่ถูกที่สุด อาจจะไม่ใช่คำตอบของทุกคนนั่นเอง

 

เอฟดับบลิวดีมีประกันหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคุณ อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่

*ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

คำถามที่พบบ่อย

  • ประกันชีวิตแบบตลอดชีพของ FWD คลิก
  • ประกันสะสมทรัพย์ของ FWD คลิก
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญของ FWD คลิก
  • ประกันชีวิตควบการลงทุนของ FWD คลิก
  • ประกันสุขภาพของ FWD คลิก
  • บริการออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณ ทุกที่ ทุกเวลา คลิก