อยากวางแผนประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ควรเลือกแบบไหนดี?
การทำประกันภัย เป็นรูปแบบการคุ้มครองที่สามารถช่วยดูแลทั้งในเรื่องสุขภาพและการเงิน แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ยิ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ประกันออกมาหลากหลายรูปแบบ แต่ที่เราอาจคุ้นหูมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น 'ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ' ที่หลาย ๆ คนเลือกที่จะใช้วางแผนประกันให้กับชีวิต
สำหรับใครที่อยากสร้างความอุ่นใจให้กับการใช้ชีวิตด้วยการวางแผนประกันภัยชีวิตหรือประกันสุขภาพ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหนดีถึงจะเหมาะกับตนเองที่สุด เราจะพาทุกคนไปรู้ถึงประโยชน์ของการทำประกันทั้งสองรูปแบบว่าเป็นอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับใคร
รู้จักแผนประกันภัย การคุ้มครองที่คนทุกวัยไม่ควรละเลย
ประกันภัยคืออะไร?
ประกันภัย คือ สัญญาความคุ้มครองที่ช่วยบริหารความเสี่ยงภัย หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ โดยผู้เอาประกันภัยจะชำระเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อแลกกับการได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งบริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยตามสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งในปัจจุบันประเภทของประกันภัย แบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
● การประกันวินาศภัย (Non-Life Insurance) เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อความเสียหายจากเหตุการณ์วินาศภัย รวมไปถึงความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของบุคคล เช่น การประกันอัคคีภัย การประกันรถยนต์ ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง ประกันสุขภาพ ฯลฯ
● การประกันชีวิต (Life Insurance) การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเป็นเงินก้อนในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ซึ่งมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการประกันชีวิตและความต้องการของผู้เอาประกัน โดยประเภทของการประกันชีวิตที่นิยมมีดังนี้
○ การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ รูปแบบของประกันชีวิตช่วยที่ส่งเสริมวินัยในการออมเงินและการวางแผนการเงินในอนาคต หรือการเก็บออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต ผลประโยชน์จะเกิดขึ้นเมื่อครบระยะเวลาตามสัญญา
○ การประกันชีวิตแบบบำนาญ ให้ความคุ้มครองรายได้แก่ผู้เอาประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ โดยบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินบำนาญให้กับผู้เอาประกันภัยเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกปี
○ การประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ให้คุ้มครองชีวิตของผู้เอาประกันตลอดชีวิต โดยมีเบี้ยประกันแบบคงที่ตลอดอายุสัญญาที่คำนวณจากอายุของผู้เอาประกันและจำนวนเงินเอาประกันภัย
○ การประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา ให้ความคุ้มครองชีวิตของผู้เอาประกันเป็นระยะเวลาที่กำหนด เช่น 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี โดยบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาคุ้มครอง
● ประกันภัยเกี่ยวกับความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคลลภายนอก (Liability Insurance) เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายที่มีต่อบุคคลภายนอก สำหรับความบาดเจ็บทางร่างกายหรือเสียชีวิต และ/หรือ ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ที่มาจากการกระทำของผู้เอาประกันที่ทำผิดพลาด อุบัติเหตุ หรือเป็นเหตุไม่ได้คาดคิด ทางบริษัทประกันจะเข้ามาดูแลทันที ทั้งค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี การชดเชยทรัพย์สินผู้อื่น รวมทั้งชดเชยค่าเสียหายต่อชีวิต เป็นต้น
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นรูปแบบประกันที่นิยมซื้อไว้สำหรับรับผิดชอบเหตุที่เกิดจากตนเองที่ทำให้เกิดความเสียหาย บาดเจ็บ เสียชีวิตต่อบุคคลอื่น หรือ สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ เภสัชกร สถาปนิก วิศวกร ทนายความ เพื่อรับผิดชอบตามกฎหมายที่อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากผู้รับบริการ รวมถึง สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจที่มีความเสี่ยง ที่อาจสร้างความเสียหายหรือทำให้สูญเสียต่อบุคคลภายนอก เช่น ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจขนส่งน้ำมัน เป็นต้น
ถึงแม้ประกันภัยจะมีหลากหลายประเภทให้เลือก แต่ประกันภัยในรูปแบบ “การประกันชีวิตและประกันสุขภาพ” เป็น 2 รูปแบบที่ได้รับความนิยมในการใช้วางแผนประกัน เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับการใช้ชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ประกันชีวิต คือ สัญญาความคุ้มครองระหว่างผู้เอาประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต โดยผู้เอาประกันจะชำระเบี้ยประกันให้กับบริษัทประกัน เพื่อแลกกับการได้รับความคุ้มครอง ทั้งในกรณีที่มีชีวิตอยู่จนครบตามสัญญาหรือเกิดเหตุทำให้เสียชีวิตก็ตาม
การเลือกซื้อแผนประกันชีวิต
นอกจากจะได้รับประโยชน์เรื่องค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ที่ระบุไว้ในสัญญาแล้ว การทำประกันชีวิตยังมีข้อดีอีกหลายด้าน ดังนี้
1. การให้ความคุ้มครองชีวิต : การทำประกันชีวิตจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ เพราะหากเกิดกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต บริษัทประกันจะจ่ายเงินก้อนให้กับผู้รับผลประโยชน์ตามที่ได้ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์
2. เป็นแหล่งออมเงิน วางแผนเงินมรดก : ประกันชีวิตเป็นอีกแหล่งออมเงินก้อน โดยบริษัทประกันชีวิตจะคืนทุนประกันให้กับผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์ สำหรับเป็นเงินก้อน หรือเงินมรดก เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามในสัญญา
3. ใช้ลดหย่อนภาษี : เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย
ปัจจัยสำคัญในการวางแผนประกันชีวิตที่ตอบโจทย์
● เป้าหมายทางการเงิน : ควรกำหนดเป้าหมายทางการเงินของตนเองก่อนทำประกัน เช่น การมีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ หรือต้องการเงินก้อนไว้ใช้เลี้ยงดูบุตรหลานเมื่อเสียชีวิต เป็นต้น
● ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น : การประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตของตนเอง เช่น ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เป็นต้น
● ความสามารถในการชำระเบี้ยประกัน : อย่าลืมพิจารณาถึงความสามารถในการชำระเบี้ยประกันของตนเองด้วย เพื่อให้สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้อย่างสม่ำเสมอ
ประกันสุขภาพ คือ สัญญาที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยและโรคภัยต่าง ๆ รวมถึงการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ดังนี้
1. ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน (IPD) :
ประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยใน หรือผู้ป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดย ครอบคลุมทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2. ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD) :
ประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล โดยครอบคลุมค่าปรึกษาแพทย์ ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
การเลือกซื้อแผนประกันสุขภาพ นอกจากจะได้รับการดูแลในการรักษาพยาบาลที่ดีแล้ว การทำประกันสุขภาพยังมีข้อดีอีกหลายด้าน ดังนี้
1. แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ :
ประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัย เมื่อเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ที่ได้ตกลงไว้
2. ให้ความคุ้มครองสุขภาพ :
ประกันสุขภาพบางประเภทให้ความคุ้มครองจากโรคร้ายแรง ซึ่งจะช่วยให้ผู้เอาประกันภัยมีเงินทุนในการต่อสู้กับการเจ็บป่วย
3. ลดความเสี่ยงทางการเงิน :
บริษัทประกันจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ จึงช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินของผู้เอาประกันภัย ให้ไม่ต้องล้มละลายจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
4. นำไปลดหย่อนภาษีได้ :
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
ปัจจัยสำคัญในการวางแผนประกันสุขภาพให้เหมาะสม
● เป้าหมายด้านสุขภาพ : แนะนำให้กำหนดเป้าหมายด้านสุขภาพของตนเองก่อนทำประกัน เช่น ต้องการมีเงินทุนเพียงพอในการรักษาพยาบาล ต้องการความคุ้มครองจากโรคร้ายแรง เป็นต้น
● ความเสี่ยงด้านสุขภาพ : ควรประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพของตนเอง เช่น ประวัติสุขภาพ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เป็นต้น
● ความสามารถในการชำระเบี้ย : ผู้เอาประกันภัยควรพิจารณาความสามารถในการชำระเบี้ยประกันสุขภาพของตนเอง เพื่อให้สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้อย่างสม่ำเสมอ
เพราะเรามีร่างกายเพียงหนึ่งเดียว หากเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน การมีประกันเอาไว้ก็จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและดีที่สุด โดยไม่ต้องลังเลกับเรื่องค่าใช้จ่าย ปีหากใครสนใจสามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ เรามีประกันสุขภาพออนไลน์ Easy E-Health ที่ให้ความคุ้มครองคลอบคลุม ทั้งความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ พร้อมผลประโยชน์ด้านค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายตามจริง สูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อปี สามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 20-60 ประกันสุขภาพที่สามารถเพิ่มเติมความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD+) และชดเชยรายได้สำหรับ 7 โรคร้าย ค่าเบี้ยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อย่างคุ้มค่า