เพราะชีวิตของเราเต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝัน ไม่มีใครรู้ว่าในแต่ละวันเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ดังนั้น การทำ 'ประกันชีวิต' จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง ให้เราไม่ต้องแบกรับภาระทุกอย่างเพียงคนเดียว ในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา
แต่เนื่องจากประกันชีวิตนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท จึงอาจทำให้ใครหลาย ๆ คนเกิดความสับสน ไม่รู้ว่าควรจะเลือกทำประกันชีวิตแบบไหนดี บทความนี้เรามาพร้อมกับเทคนิคการเลือกประกันชีวิตให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัย เพื่อให้เราทำประกันได้อย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากที่สุด
เหตุผลดี ๆ ที่เราควรทำประกันชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่
●ช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง
ชีวิตของเราในทุกวัน เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หากไม่เตรียมตัวไว้ก่อน ก็อาจต้องเจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ ดังนั้น การเลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ก็เป็นวิธีที่จะช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง ให้เราไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพียงคนเดียว
●ช่วยวางแผนการเงิน
นอกจากจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงได้แล้ว การทำประกันชีวิต ยังเป็นวิธีที่ช่วยวางแผนการเงิน เพราะเราจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็นเงินก้อน เมื่อเราชำระค่าเบี้ยครบตามสัญญา ทำให้เรามีเงินสำรองไว้ใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต
● ช่วยแบ่งเบาภาระคนในครอบครัว
ไม่ใช่แค่ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้กับเราเท่านั้น แต่การทำประกันชีวิตยังช่วยแบ่งเบาภาระให้กับคนในครอบครัว ทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และคนในครอบครัวก็จะได้รับเงินก้อนไว้เป็นทุนสำรองสำหรับใช้จ่ายได้ต่อไป
● ช่วยลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งข้อดีที่ทำให้การทำประกันชีวิตเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับคนทุกช่วงวัย ก็คือการที่เราสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้รวมสูงสุด 300,000 บาท โดยในแต่ละปีเราสามารถลดหย่อนได้สูงสุดถึง 100,000 บาท สำหรับประกันแบบทั่วไป และลดหย่อนได้สูงสุดถึง 200,000 บาท สำหรับประกันแบบบำนาญ*
*รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
อายุเท่านี้ เลือกประกันชีวิตแบบไหนดี?
● เด็กจบใหม่วัยเริ่มทำงาน (25-30 ปี)
วัยเริ่มทำงาน เป็นวัยที่หลายคนกำลังตื่นเต้นและสนุกกับการได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ และยังเป็นวัยที่เปลี่ยนผ่านจากความเยาว์วัยมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เหมาะกับการเริ่มวางแผนเก็บเงินอย่างจริงจัง ดังนั้นประกันที่ควรทำก็คือ ‘ประกันสะสมทรัพย์’ ซึ่งเป็นประกันที่ตอบโจทย์กับการเก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคต มาพร้อมกับความคุ้มครองที่ช่วยให้อุ่นใจ เสริมไปกับสวัสดิการด้านสุขภาพที่บริษัทมีให้กับเราอยู่แล้ว และยังสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีในแต่ละปี ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่คู่มือวางแผนภาษีหลายฉบับได้ให้คำแนะนำเอาไว้ ยิ่งเราวางแผนได้ดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้เรามีเงินเหลือเก็บเหลือใช้มากขึ้น
● วัยสร้างครอบครัว สร้างความมั่นคงในชีวิต (30-50 ปี)
เมื่อเราทำงานไปได้สักระยะ หน้าที่การงานเริ่มมั่นคง และเริ่มมีรายรับเพิ่มมากขึ้น หลายคนก็จะเริ่มมองหาโอกาสสร้างความมั่นคงในชีวิต หรืออาจอยากจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ ดังนั้นการเลือกประกันให้เหมาะสมกับวัยนี้ ก็จะต้องเป็น ‘ประกันชีวิตแบบบำนาญ’ ซึ่งเป็นประกันชีวิตที่เน้นการออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณ โดยเราจะต้องชำระค่าเบี้ยประกันให้ครบตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ชำระให้ครบ 55 ปี, 60 ปี หรือ 65 ปี จากนั้นเราจะได้รับเงินคืนไปจนถึงอายุ 85 หรือ 90 ปี ตามแผนประกันที่เราเลือกไว้ นอกจากจะช่วยให้เรามีเงินบำนาญไว้ใช้ยามเกษียณ ก็ยังมาพร้อมกับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต และสามารถนำค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 200,000 บาท ตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนดไว้
● วัยเตรียมตัวเกษียณ (50 ปีขึ้นไป)
เมื่อชีวิตของเราเริ่มมั่นคง ภาระต่าง ๆ เริ่มน้อยลง และลูกหลานเริ่มเติบโต ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องวางแผนเพื่อการเกษียณ ซึ่งการเลือกประกันชีวิตให้เหมาะสมกับวัยนี้ ก็ควรเป็น 'ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ' ที่เน้นให้ความคุ้มครองชีวิตในระยะยาว เช่น คุ้มครองไปจนถึงอายุ 85 ปี หรือ 90 ปี โดยที่เราจะชำระเบี้ยเพียงแค่ช่วงระยะเวลาแรกเท่านั้น เช่น ช่วง 20 ปีแรก จากนั้นประกันจะให้ผลตอบแทนเมื่อเรามีชีวิตอยู่จนครบระยะเวลาที่กำหนด และหากเราเสียชีวิตในระยะเวลาที่คุ้มครอง ผลตอบแทนก็จะตกไปสู่ผู้รับผลประโยชน์ที่เราระบุไว้ในตอนทำประกัน ประกันชีวิตแบบนี้จึงเป็นประกันที่เหมาะกับการทำเป็นมรดกส่งต่อให้ลูกหลาน ให้คนข้างหลังยังมีชีวิตที่สุขสบาย แม้ในวันที่เราจากไป
ก่อนตัดสินใจทำประกัน ต้องพิจารณาอย่างไร?
● เลือกทุนประกันชีวิตที่เหมาะสม
นอกจากการเลือกประกันให้เหมาะกับช่วงวัย สิ่งที่จะช่วยให้เราได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด ก็คือการพิจารณาจากทุนประกัน โดยควรเลือกวงเงินการคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมดของเราได้ เพื่อไม่ให้คนข้างหลังต้องเข้ามาช่วยแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยให้เราอุ่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ โดยที่คนในครอบครัวไม่เดือดร้อน
● วางแผนค่าใช้จ่ายให้ดี
อีกหนึ่งเรื่องที่จะมองข้ามไปไม่ได้ในการทำประกันชีวิต ก็คือการวางแผนค่าใช้จ่าย เพราะถึงแม้เราจะเจอกับประกันที่ใช่ แต่หากเราไม่สามารถชำระเบี้ยได้ ผลตอบแทนที่หวังไว้ ก็คงจะลอยหายไปในอากาศ แถมยังเสียทั้งเงิน ทั้งเวลาไปแบบฟรี ๆ ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกทำประกัน เราจึงต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะสามารถชำระค่าเบี้ยได้อย่างต่อเนื่อง จนครบระยะเวลาที่กำหนดไว้
● อ่านรายละเอียดข้อยกเว้นและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ครบถ้วน
ปัจจัยสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันในการเลือกประกันชีวิต คือการที่เราจะต้องอ่านรายละเอียดต่าง ๆ ที่ระบุไว้ให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขหรือข้อยกเว้น ไม่เช่นนั้นแล้วเราอาจพลาดสิทธิประโยชน์จากการทำประกันไปอย่างน่าเสียดาย
สร้างความมั่นคงให้ชีวิตได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการวางแผนความคุ้มครองด้วยประกันออนไลน์จาก FWD เรามีแผนประกันที่เข้าใจง่าย คุ้มครองทันทีแบบไม่ต้องตรวจสุขภาพ สามารถเลือกซื้อได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านช่องทางออนไลน์