จากความมุ่งมั่นและพยายามของเราเพื่อให้บรรลุเกณฑ์ความยั่งยืนระดับทอง (Gold sustainability measures) เราตั้งใจที่จะสร้างสถานที่ทำงานที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และส่งเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยลดการใช้พลังงานในการทำงาน และลดผลกระทบต่างๆ ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
ที่ตั้งที่เป็นพื้นฐานในการต่อยอด พร้อมการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่
เอฟดับบลิวดีย้ายที่ทำการสำนักใหญ่จากอาคารสินธรทาวเวอร์ 3 มายังอาคารโอเนสทาวเวอร์ ด้วยเหตุผลเชิงกลยุทธ์ ในมุมของที่ตั้งที่อยู่ใจกลางย่านธุรกิจ และอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานมากกว่า 10 แห่ง เช่น ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต โรงเรียน และร้านอาหาร ซึ่งอยู่ในระยะที่สามารถเดินถึงได้
การเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ
อาคารโอเนสทาวเวอร์มีสะพานเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และมีป้ายรถประจำทางที่ด้านหน้าของอาคาร พนักงานเอฟดับบลิวดีและผู้มาติดต่อสามารถเดินทางมายังอาคารด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกสบาย
อาคารโอเนสทาวเวอร์มีมาตรการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดน้ำในพื้นที่ส่วนกลางและในตัวอาคาร พร้อมทั้งการติดตั้งระบบตรวจจับการรั่วซึมของน้ำ ทำให้ตัวอาคารสามารถประหยัดการใช้น้ำได้มากกว่าค่ามาตรฐาน 40% โดยประมาณ
อาคารที่ตั้งของเอฟดับบลิวดี มีระบบจัดการอากาศภายใน HVAC (ระบบความร้อน ความเย็น และการระบายอากาศ) อาคารที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าค่ามาตรฐาน ASHRAE* (เป็นสมาคมวิชาชีพอเมริกันที่มุ่งพัฒนาการออกแบบและสร้างระบบทำความร้อน การระบายอากาศ การปรับอากาศและการทำความเย็น) 90.1 มากกว่า 26%
* American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers (ASHRAE) 90.1 คือ มาตรฐานการออกแบบที่ประหยัดพลังงานสำหรับอาคาร กำหนดโดยสถาบันมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (American National Standards Institute หรือ ANSI) ซึ่งถูกพัฒนาร่วมกันโดย สมาคมวิศวกรการทำความร้อน ความเย็น และการปรับอากาศแห่งสหรัฐอเมริกา (American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers หรือ ASHRAE) และสมาคมวิศวกรรมการส่องสว่าง (Illuminating Engineering Society หรือ IES) (อ้างอิงจาก www.ase.org)
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกเลือกมาใช้ในสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานที่ได้รับการรับรองภายใต้มาตรฐาน ENERGY STAR* ในระดับสากล หรือระดับประเทศ
*ENERGY STAR ® เป็นโครงการร่วมระหว่างองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Agency หรือ EPA) และกระทรวงพลังงาน (Department of Energy หรือ DOE) ของสหรัฐอเมริกา มีเป้าหมายเพื่อช่วยผู้บริโภค ธุรกิจ และอุตสาหกรรมในการประหยัดเงินทุน และปกป้องสิ่งแวดล้อม ผ่านการนำผลิตภัณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่ประหยัดพลังงานมาใช้ (อ้างอิงจาก www.energy.gov)
อาคารมีการจัดสรรพื้นที่สำหรับทิ้งขยะรีไซเคิลโดยเฉพาะไว้ในพื้นที่ของผู้เช่า รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีบริเวณสำหรับจัดเก็บและแยกขยะรีไซเคิล 5 ประเภท กับขยะอันตรายอีก 2 ประเภท
ขยะจากการก่อสร้างจะถูกเก็บรวบรวมและคัดแยกออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ โลหะ กระดาษ ไม้ พลาสติก คอนกรีต และขยะอันตราย โดยขยะจากการก่อสร้างมากกว่า 75% จะถูกแยกออกจากหลุมฝังกลบเพื่อนำไปรีไซเคิล ใช้ซ้ำ หรือบริจาค
กลยุทธ์การจัดแสงสว่าง
การเข้าถึงแสงธรรมชาติ – การออกแบบสำนักงานแบบเปิดในเขตปริมณฑลต้องคำนึงถึงการเพิ่มพื้นที่เพื่อเข้าถึงแสงธรรมชาติให้มากที่สุดเพื่อให้สอดคล้องกับวงจรการทำงานของร่างกายมนุษย์ที่ถูกควบคุมด้วยแสงและอุณหภูมิซึ่งจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน พื้นที่สำนักงานจึงถูกออกแบบให้เปิดโล่ง เพื่อให้สามารถรับแสงธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
คุณภาพของแสงสว่าง – อาคารเลือกใช้ระบบส่องสว่างที่มีค่าความถูกต้องของสี (CRI) ในระดับที่สูง และมีค่าความรวมรู้สึกไม่สบายตาจากแสง (UGR) ในระดับที่ต่ำ เพื่อให้พนักงานมีความสบายในขณะทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
การรับอากาศจากภายนอกและระบบระบายอากาศ
อัตราการรับอากาศจากภายนอกเข้ามายังพื้นที่ใช้งานทั้งหมดในอาคาร มีค่าสูงกว่าข้อกำหนดตามมาตรฐาน ASHRAE 62.1-2010 มากกว่า 30% เพื่อเป็นพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีให้แก่พนักงาน
มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เกินค่าที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่ามีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ และเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี
มีการใช้นโยบายห้ามสูบบุหรี่ภายในพื้นที่สำนักงานและภายในอาคาร พร้อมทั้งมีการจัดพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่กลางแจ้งที่ห่างจากประตูหรือหน้าต่างของอาคารมากกว่า 7.5 เมตร
มีการเลือกใช้สี กาว พื้น ผนัง และอื่นๆ ซึ่งทำจากวัสดุที่ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจากหน่วยงานรับรองและมาตรฐานสากลที่เข้มงวด เช่น GreenGuard, CDPH เป็นต้น
อาคารมีตัวกรองอากาศ MERV 14 ที่ช่องรับอากาศภายนอก เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
มีการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) อย่างรอบคอบ เพื่อให้มีสุขภาวะที่ดีสำหรับคนงานในระหว่างการก่อสร้าง และสำหรับพนักงานของเราหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยการดำเนินการหลักๆ ได้แก่ การควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ การจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์อย่างเหมาะสม การทำความสะอาด ระบบการระบายอากาศ และการชำระล้างอากาศสกปรก
เพราะแสงธรรมชาติและทัศนียภาพสามารถส่งเสริมสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของผู้คนได้ จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญในปรัชญาการออกแบบพื้นที่ทำงาน ดังนั้นจึงมีการออกแบบให้พื้นที่อาคารกว่า 76% สามารถรับแสงธรรมชาติและมีทัศนียภาพที่ดี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของสำนักงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับพนักงานและผู้มาติดต่อ
สำนักงานเอฟดับบลิวดีถูกออกแบบพื้นที่ใช้งานทุกจุดให้มีการควบคุมเสียงอย่างมีประสิทธิภาพ พื้นผิวผนังและเพดานทำจากวัสดุดูดซับเสียงที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งมีการใช้ฉนวนกันเสียงในการกั้นพื้นที่ส่วนตัวอีกด้วย
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการประกาศข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม จะช่วยสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์และวัสดุที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการผลิตน้อยที่สุด
เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่ไม่ใช้สารทำความเย็นประเภท CFC เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ